จอมพลป.พิบูลย์สงสรามกับประวัติการจัดสร้าง พระเครื่อง 25 พุทธศตวรรษ
จอมพลป.พิบูลย์สงสรามกับประวัติการจัดสร้าง พระเครื่อง 25 พุทธศตวรรษ
การขึ้นครองอำนาจของรัฐบาลชาตินิยมครั้งแรกของ ฯพณฯ จอมพลแปลก ขีตตะสังขะ หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า จอมพล ป.พิบูลสงคราม ในช่วงปี พ.ศ.2481-2487 นั้น เป็นช่วงที่สยามประเทศกำลังมีความฮึกเหิมจากการได้ดินแดนคืนจากฝรั่งเศส และร่วมเป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่น เพื่อสร้างเผ่า "ไทยสยาม" ให้ยิ่งใหญ่เหนือเผ่าไทยอื่นๆ
ในยุคนี้มีเรื่องเล่าลือเกี่ยวกับความ มหัศจรรย์ของพระเครื่องที่ ท่านผู้นำได้อาราธนาติดตัวมากมายหลายเรื่อง อาทิ หลวงวิจิตรวาทการ เคยเห็นมีแสงรัศมีเปล่งออกมาจากตัวจอมพล ป. และศรัทธา แก่กล้าถึงขนาด หลวงวิจิตรฯลงก้มกราบต่อหน้าสาธารณชน ตอนแรกก็ว่าเป็นแสงจากตัวท่านเอง
แต่ต่อมาจะเก้อกระดากหรืออย่างไร ไม่ทราบ สอบถามได้ความว่าเป็นแสง ที่เปล่งมาจากพระเครื่องที่ห้อยติดตัวท่านจอมพล
แม้กระทั่งในการขึ้นครองอำนาจครั้งที่สอง (2491-2500) เมื่อทหารเรือก่อกบฏแมนฮัตตัน จี้จับท่านเป็น ตัวประกันอยู่ในเรือรบ ผู้หวังดีพากันทิ้งระเบิดและยิงเรือที่ท่านถูกจับอยู่ แม้จะมีคำสั่งห้ามยิง ท่านยังสามารถกระโดดลงน้ำว่ายหนีกลับขึ้นฝั่งอย่างน่ามหัศจรรย์ ล่ำลือว่าเป็นเพราะ "พระเครื่อง" ที่ท่านห้อยแขวนอยู่ช่วยให้รอดปลอดภัย แต่สอบสวนทวนความก็ยังไม่รู้ว่าห้อยพระเครื่องอะไร
นี่ยังไม่นับการถูกลอบสังหารโดยการวางยาพิษในอาหาร และการลอบยิงหลายต่อหลายครั้งที่แคล้วคลาดทั้งสิ้น
นับได้ว่า จอมพล ป. เป็นผู้นำที่มีศรัทธาในพุทธคุณอย่างเหนียวแน่น และความศรัทธาของท่านก็เผื่อแผ่มายังประชาชนชาติไทยที่เพิ่งเปลี่ยนนามใหม่ๆ หมาดๆ จาก "สยาม" จะเห็นได้จากสงคราม อินโดจีนที่มีการสร้างพระบำรุงขวัญแจกทหารจนเป็นที่เลื่องลือรู้จักกันใน ชื่อพระพุทธชินราชอินโดจีน และเป็นที่นิยมมาจนถึงยุคนี้
ครั้งแรกนั้นท่านจอมพลได้ มีความประสงค์ที่จะสถาปนารัฐไทยให้เป็นศูนย์กลาง ทางพุทธศาสนาของโลก โดยเฉพาะ "พุทธแบบหินยาน" ดังนั้น โครงการจัดสร้าง "พุทธมณฑล" จึงเกิดขึ้นที่ จ.สระบุรี ควบคู่ไปกับโครงการย้ายเมืองหลวงใหม่ไปอยู่ จ.เพชรบูรณ์ ปรากฏว่าทั้งสภาล่างสภาบนวิพากษ์ วิจารณ์กันมากมาย และ ลงมติไม่อนุมัติ จากนั้น จอมพล ป.ก็ตกจากอำนาจด้วยเพราะแพ้โหวตในสภาด้วย
โชคบุญหนุนนำแม้จะถูกขึ้นศาลทหาร ท่านไม่ยักกะเป็นอะไร แถมยังกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีใหม่อีกครั้ง ปรากฏว่าครั้งนี้ท่านไม่ละเลิกความพยายามที่จะสร้างอนุสรณ์สถานอันตั้งความ หวังให้เป็นศูนย์กลางแห่งพุทธศาสนา ด้วยเหตุนี้พุทธมณฑลแห่งใหม่ที่จ.นครปฐม จึงถูกดำเนินการขึ้น โดยตั้ง งบประมาณทั้งหมด 25 ล้าน แต่กระทรวงการคลังให้ได้แค่ 4 ล้านต้นๆ
ด้วยความเป็นอัจฉริยะของท่านผู้นำซึ่งเลื่อมใสในพุทธศาสนาและเชื่อมั่นในพุทธคุณ ถึงขนาดได้ประกาศจัดสร้าง "พระ 25 พุทธศตวรรษ" เพื่อให้ประชาชนเช่าบูชา ในปี พ.ศ.2497 แล้วจัดงานพุทธาภิเษกฉลองสมโภชอย่างยิ่งใหญ่ทั่งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด นับเป็นการทำธุรกิจพระเครื่องโดยรัฐบาลเป็นครั้งแรก และครั้งใหญ่ที่สุดนับแต่มีการตั้งประเทศเป็นต้นมา
พระที่ถูกสร้างขึ้นเป็น "พระพุทธลีลา" นั้น นัยว่าเป็นการก้าวย่างไปข้างหน้าของพุทธศาสนา โดยมี พลตำรวจเอกเผ่า ศรียานนท์ มือขวาท่านผู้นำ เป็นประธานการจัดสร้าง ประกอบไปด้วย พระพุทธรูปยืนปางลีลาแบบเดียวกับพระองค์ประธานพุทธมณฑล, พระเนื้อทองคำหนัก 6 สลึง จำนวนเท่ากับกึ่งพุทธกาล ผลปรากฏว่าเกิดการบังคับเช่ากันทั่วหน้าโดยเฉพาะสถานที่ราชการ ณ ตอนนี้ราคาเป็นแสนแล้ว แต่เวลาเช่าให้ดูเม็ดกลมใต้ฐานบัว และรอยเส้นแตกที่ตัว "มะ" เป็นสำคัญ
นอกจากนี้ยังมีเนื้อเงินแท้ เนื้อนาก ซึ่งสร้างจำนวนน้อย แต่สำหรับเนื้อชิน และพระเนื้อดินนั้นสร้างอย่างละ 2,421,250 องค์ ใจจริงจะสร้างให้ครบทั้งหมด 5 ล้านองค์ แต่ปรากฏว่าเกิดบล็อกแตกเสียก่อนในการปั๊มพระเนื้อชิน ทำให้บางส่วนด้านล่างใต้ฐานมีขีดเล็กๆ คล้ายเข็มเย็บผ้า เรียกว่า "มีเข็ม" กลายเป็นพิมพ์นิยมไป ต่อมายังมีการออกเหรียญใบเสมา 25 พุทธศตวรรษเพิ่มขึ้นอีกด้วย
นับว่าท่านจอมพล ป.ได้ดำเนินการบรรลุวัตถุประสงค์ คือ สามารถจัดซื้อที่ดินสร้างพุทธมณฑลสำเร็จตามประสงค์ รวมถึงการวางผัง และออกแบบพระพุทธรูปองค์ประธาน และที่สำคัญคงเหลือพระ 25 พุทธศตวรรษ ทั้งเนื้อชิน และเนื้อดิน จำนวนมากมายมหาศาลเป็นมรดกตกทอดต่อไปในประเทศ ซึ่งบางส่วนก็คงค้างอยู่ตามสถานที่ราชการ บางส่วนก็ถูกนำไปบรรจุลงกรุเจดีย์
เป็นที่น่าแปลกใจว่า พระเครื่องของ จอมพล ป.ชุดนี้ค่อนข้างมีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ทางด้านคงกระพันชาตรี ประเภทฟันไม่เข้า ยิงไปไม่ออก อันอาจจะเกี่ยวกับความศรัทธาของผู้สร้างที่ต้องระวังภัยทางด้านนี้โดยเฉพาะ
จึงนับได้ว่า "พระ 25 พุทธศตวรรษ" เป็นของดีที่ท่านทิ้งไว้จำนวนมาก
บทความพระเครื่อง นำมาจาก http://www.itti-patihan.com/จอมพล-ป.พิบูลสงครามกับประวัติการจัดสร้าง-พระเครื่อง-25-พุทธศตวรรษ.html
การขึ้นครองอำนาจของรัฐบาลชาตินิยมครั้งแรกของ ฯพณฯ จอมพลแปลก ขีตตะสังขะ หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า จอมพล ป.พิบูลสงคราม ในช่วงปี พ.ศ.2481-2487 นั้น เป็นช่วงที่สยามประเทศกำลังมีความฮึกเหิมจากการได้ดินแดนคืนจากฝรั่งเศส และร่วมเป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่น เพื่อสร้างเผ่า "ไทยสยาม" ให้ยิ่งใหญ่เหนือเผ่าไทยอื่นๆ
ในยุคนี้มีเรื่องเล่าลือเกี่ยวกับความ มหัศจรรย์ของพระเครื่องที่ ท่านผู้นำได้อาราธนาติดตัวมากมายหลายเรื่อง อาทิ หลวงวิจิตรวาทการ เคยเห็นมีแสงรัศมีเปล่งออกมาจากตัวจอมพล ป. และศรัทธา แก่กล้าถึงขนาด หลวงวิจิตรฯลงก้มกราบต่อหน้าสาธารณชน ตอนแรกก็ว่าเป็นแสงจากตัวท่านเอง
แต่ต่อมาจะเก้อกระดากหรืออย่างไร ไม่ทราบ สอบถามได้ความว่าเป็นแสง ที่เปล่งมาจากพระเครื่องที่ห้อยติดตัวท่านจอมพล
แม้กระทั่งในการขึ้นครองอำนาจครั้งที่สอง (2491-2500) เมื่อทหารเรือก่อกบฏแมนฮัตตัน จี้จับท่านเป็น ตัวประกันอยู่ในเรือรบ ผู้หวังดีพากันทิ้งระเบิดและยิงเรือที่ท่านถูกจับอยู่ แม้จะมีคำสั่งห้ามยิง ท่านยังสามารถกระโดดลงน้ำว่ายหนีกลับขึ้นฝั่งอย่างน่ามหัศจรรย์ ล่ำลือว่าเป็นเพราะ "พระเครื่อง" ที่ท่านห้อยแขวนอยู่ช่วยให้รอดปลอดภัย แต่สอบสวนทวนความก็ยังไม่รู้ว่าห้อยพระเครื่องอะไร
นี่ยังไม่นับการถูกลอบสังหารโดยการวางยาพิษในอาหาร และการลอบยิงหลายต่อหลายครั้งที่แคล้วคลาดทั้งสิ้น
นับได้ว่า จอมพล ป. เป็นผู้นำที่มีศรัทธาในพุทธคุณอย่างเหนียวแน่น และความศรัทธาของท่านก็เผื่อแผ่มายังประชาชนชาติไทยที่เพิ่งเปลี่ยนนามใหม่ๆ หมาดๆ จาก "สยาม" จะเห็นได้จากสงคราม อินโดจีนที่มีการสร้างพระบำรุงขวัญแจกทหารจนเป็นที่เลื่องลือรู้จักกันใน ชื่อพระพุทธชินราชอินโดจีน และเป็นที่นิยมมาจนถึงยุคนี้
ครั้งแรกนั้นท่านจอมพลได้ มีความประสงค์ที่จะสถาปนารัฐไทยให้เป็นศูนย์กลาง ทางพุทธศาสนาของโลก โดยเฉพาะ "พุทธแบบหินยาน" ดังนั้น โครงการจัดสร้าง "พุทธมณฑล" จึงเกิดขึ้นที่ จ.สระบุรี ควบคู่ไปกับโครงการย้ายเมืองหลวงใหม่ไปอยู่ จ.เพชรบูรณ์ ปรากฏว่าทั้งสภาล่างสภาบนวิพากษ์ วิจารณ์กันมากมาย และ ลงมติไม่อนุมัติ จากนั้น จอมพล ป.ก็ตกจากอำนาจด้วยเพราะแพ้โหวตในสภาด้วย
โชคบุญหนุนนำแม้จะถูกขึ้นศาลทหาร ท่านไม่ยักกะเป็นอะไร แถมยังกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีใหม่อีกครั้ง ปรากฏว่าครั้งนี้ท่านไม่ละเลิกความพยายามที่จะสร้างอนุสรณ์สถานอันตั้งความ หวังให้เป็นศูนย์กลางแห่งพุทธศาสนา ด้วยเหตุนี้พุทธมณฑลแห่งใหม่ที่จ.นครปฐม จึงถูกดำเนินการขึ้น โดยตั้ง งบประมาณทั้งหมด 25 ล้าน แต่กระทรวงการคลังให้ได้แค่ 4 ล้านต้นๆ
ด้วยความเป็นอัจฉริยะของท่านผู้นำซึ่งเลื่อมใสในพุทธศาสนาและเชื่อมั่นในพุทธคุณ ถึงขนาดได้ประกาศจัดสร้าง "พระ 25 พุทธศตวรรษ" เพื่อให้ประชาชนเช่าบูชา ในปี พ.ศ.2497 แล้วจัดงานพุทธาภิเษกฉลองสมโภชอย่างยิ่งใหญ่ทั่งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด นับเป็นการทำธุรกิจพระเครื่องโดยรัฐบาลเป็นครั้งแรก และครั้งใหญ่ที่สุดนับแต่มีการตั้งประเทศเป็นต้นมา
พระที่ถูกสร้างขึ้นเป็น "พระพุทธลีลา" นั้น นัยว่าเป็นการก้าวย่างไปข้างหน้าของพุทธศาสนา โดยมี พลตำรวจเอกเผ่า ศรียานนท์ มือขวาท่านผู้นำ เป็นประธานการจัดสร้าง ประกอบไปด้วย พระพุทธรูปยืนปางลีลาแบบเดียวกับพระองค์ประธานพุทธมณฑล, พระเนื้อทองคำหนัก 6 สลึง จำนวนเท่ากับกึ่งพุทธกาล ผลปรากฏว่าเกิดการบังคับเช่ากันทั่วหน้าโดยเฉพาะสถานที่ราชการ ณ ตอนนี้ราคาเป็นแสนแล้ว แต่เวลาเช่าให้ดูเม็ดกลมใต้ฐานบัว และรอยเส้นแตกที่ตัว "มะ" เป็นสำคัญ
นอกจากนี้ยังมีเนื้อเงินแท้ เนื้อนาก ซึ่งสร้างจำนวนน้อย แต่สำหรับเนื้อชิน และพระเนื้อดินนั้นสร้างอย่างละ 2,421,250 องค์ ใจจริงจะสร้างให้ครบทั้งหมด 5 ล้านองค์ แต่ปรากฏว่าเกิดบล็อกแตกเสียก่อนในการปั๊มพระเนื้อชิน ทำให้บางส่วนด้านล่างใต้ฐานมีขีดเล็กๆ คล้ายเข็มเย็บผ้า เรียกว่า "มีเข็ม" กลายเป็นพิมพ์นิยมไป ต่อมายังมีการออกเหรียญใบเสมา 25 พุทธศตวรรษเพิ่มขึ้นอีกด้วย
นับว่าท่านจอมพล ป.ได้ดำเนินการบรรลุวัตถุประสงค์ คือ สามารถจัดซื้อที่ดินสร้างพุทธมณฑลสำเร็จตามประสงค์ รวมถึงการวางผัง และออกแบบพระพุทธรูปองค์ประธาน และที่สำคัญคงเหลือพระ 25 พุทธศตวรรษ ทั้งเนื้อชิน และเนื้อดิน จำนวนมากมายมหาศาลเป็นมรดกตกทอดต่อไปในประเทศ ซึ่งบางส่วนก็คงค้างอยู่ตามสถานที่ราชการ บางส่วนก็ถูกนำไปบรรจุลงกรุเจดีย์
เป็นที่น่าแปลกใจว่า พระเครื่องของ จอมพล ป.ชุดนี้ค่อนข้างมีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ทางด้านคงกระพันชาตรี ประเภทฟันไม่เข้า ยิงไปไม่ออก อันอาจจะเกี่ยวกับความศรัทธาของผู้สร้างที่ต้องระวังภัยทางด้านนี้โดยเฉพาะ
จึงนับได้ว่า "พระ 25 พุทธศตวรรษ" เป็นของดีที่ท่านทิ้งไว้จำนวนมาก
บทความพระเครื่อง นำมาจาก http://www.itti-patihan.com/จอมพล-ป.พิบูลสงครามกับประวัติการจัดสร้าง-พระเครื่อง-25-พุทธศตวรรษ.html
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น